
Human Right หรือ สิทธิมนุษยชน เป็น สิทธิที่มนุษย์ทุกคนมีความเท่าเทียมกัน มีศักดิ์ศรี มีสิทธิ เสรีภาพ และความเสมอภาค ซึ่งเป็นเรื่องขั้นพื้นฐานที่เป็นของพวกเราทุกคน
เคยสงสัยไหมว่า ข้าวของที่เราใช้งาน และอาหารที่เราดื่มกินในแต่ละวัน ใครคือผู้อยู่เบื้องหลังสายพานการผลิต? คนทำงานที่ส่งมอบผลิตภัณฑ์ให้คนทั่วโลกใช้ชีวิตอย่างสะดวกสบาย ได้รับค่าแรงที่เป็นธรรมและ มีคุณภาพชีวิตที่ดีเพียงพอหรือไม่? และต้องทำอย่างไรจึงจะสามารถยกระดับชีวิตของพวกเขาให้ดีขึ้นได้?
“ทั้งหมดคือคำถามที่ผู้บริโภค ตลอดจนองค์กรธุรกิจยุคใหม่ต้องตระหนักอย่างจริงจัง เพราะมันคือหลักการสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานเกี่ยวกับการจ้างงานอย่างมีจริยธรรม” คุณแนท-นิธิพัศ นันทวโรภาส และคุณพราว-ปรมินทร วงศ์ไตรรัตน์ สำนักความร่วมมือระหว่างประเทศด้านความยั่งยืนและการสื่อสารองค์กร บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด กล่าวขึ้นระหว่างการสนทนากับเรา
ในปัจจุบันที่พัฒนาการทางเศรษฐกิจและสังคมเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว บทบาทขององค์กรธุรกิจไม่ใช่เพียงการส่งมอบสินค้าคุณภาพต่อลูกค้าและการสร้างผลกำไร แต่ยังต้องมีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของระบบเศรษฐกิจ เครือเจริญโภคภัณฑ์ เป็นองค์กรธุรกิจแห่งแรกๆ ของประเทศไทย ที่เดินหน้าผลักดันการประกอบธุรกิจควบคู่กับการเคารพสิทธิมนุษยชน
คุณแนทและคุณพราว จะมาเล่าให้ฟังถึงเรื่องราวเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนที่เกี่ยวข้องกับเราทุกคน ตั้งแต่แรกเกิด ไปจนถึงการดำเนินธุรกิจ โดยเฉพาะการปฏิบัติด้านแรงงานของเครือเจริญโภคภัณฑ์ที่สอดคล้องกับมาตรฐานสากล เพื่อให้มั่นใจว่าการดำเนินธุรกิจจะสร้างผลกระทบต่อสังคมน้อยที่สุด

สิทธิที่ทุกคนมีตั้งแต่แรกเกิด
ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร อาศัยอยู่ที่ไหน และใช้ชีวิตแบบใด เราทุกคนเกิดมาพร้อมสิทธิและเสรีภาพขั้นพื้นฐานที่ตั้งอยู่บนคุณค่าของความเป็นมนุษย์ ทั้งความมีศักดิ์ศรี การได้รับความเคารพ ตลอดจนความยุติธรรมและความเท่าเทียม
“สิทธิมนุษยชน คือเรื่องใกล้ตัวที่อยู่ในทุกอณูของการใช้ชีวิต นาทีนี้ที่คุณถือสมาร์ทโฟนอยู่ในมือ ก็มีเรื่องสิทธิมนุษยชนหลายมิติอยู่ในนั้น มันถูกผลิตขึ้นด้วยแรงงานที่ได้รับการปฏิบัติอย่างยุติธรรมหรือเปล่า แม้แต่ข้อมูลส่วนบุคคลที่บรรจุลงในสมาร์ทโฟน นั่นก็เป็นส่วนหนึ่งของสิทธิมนุษยชนที่หากคุณไม่ยินยอม ก็ไม่มีใครสามารถนำไปเปิดเผยได้ ดังนั้น การใช้ชีวิตโดยไม่คำนึงถึงสิทธิมนุษยชน จึงอาจสร้างผลกระทบต่อตัวเองและคนอื่นโดยที่เราไม่รู้ตัว” คุณพราวอธิบาย
ก่อนหน้าจะมาทำงานกับเครือเจริญโภคภัณฑ์ คุณพราวทำงานด้านสิทธิมนุษยชนในภาคประชาสังคมมาก่อน การขยับมาศึกษาและทำงานในมิติของภาคเอกชน ทำให้เธอเห็นถึงบทบาทและความสำคัญขององค์กรธุรกิจต่างๆ ที่มีทรัพยากรมากพอจะสร้างความเปลี่ยนแปลงด้านสิทธิมนุษยชนให้เกิดขึ้นได้
คุณแนทเสริมว่า “การทำงานด้านนี้ ทำให้เราได้สัมผัสและพูดคุยกับกลุ่มคนที่ได้รับผลกระทบจากประเด็นสิทธิมนุษยชนโดยตรง ซึ่งมีหลายกลุ่ม และแต่ละกลุ่มก็เผชิญกับผลกระทบในรูปแบบที่แตกต่างกัน ประสบการณ์เหล่านี้ไม่เพียงเกี่ยวข้องในด้านการทำงาน แต่ยังหล่อหลอมการใช้ชีวิตให้เราคิดลึกซึ้งขึ้น เพื่อให้แน่ใจว่าเราไม่ได้ไปลิดรอนสิทธิมนุษยชนของใครโดยไม่ตั้งใจ”

องค์กรแห่งความหลากหลาย
“เครือเจริญโภคภัณฑ์มีพนักงานอยู่กว่า 450,000 คน ซึ่งแน่นอนว่าพนักงานจำนวนมากขนาดนี้ ย่อมมีความหลากหลายในด้านต่างๆ ทั้งอายุ เพศ วัฒนธรรม และศาสนาเป็นต้น เราจึงยึดมั่นในหลักความเท่าเทียม และเสริมสร้างวัฒนธรรมองค์กรให้ยอมรับในความแตกต่าง โดยมีการจัดพื้นที่ที่หลากหลายและเหมาะสมเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่พนักงานทุกคน”
คุณแนท เล่าต่อถึงโครงการจัดทำห้องน้ำเสมอภาค (Universal Design) ซึ่งมีการนำร่องที่ ทรูคอร์ปอเรชั่น สำนักงานใหญ่ เพื่อให้พนักงานโดยเฉพาะกลุ่มเพศทางเลือกรู้สึกปลอดภัยในการใช้พื้นที่สาธารณะในที่ทำงาน นอกจากนี้ ยังการสร้างห้องประกอบศาสนกิจหรือห้องละหมาดขึ้น ตามสถานประกอบการในเครือ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่พนักงานมุสลิมด้วย
เครือเจริญโภคภัณฑ์ คือบริษัทแรกในประเทศไทยที่จัดทำรายงานสิทธิมนุษยชนประจำปี (Human Rights Report) เพื่อเผยแพร่แนวทางการเคารพสิทธิมนุษยชน กระบวนการตรวจสอบ การประเมินความเสี่ยง ตลอดจนการวางแผนและแนวทางแก้ไข พร้อมเครื่องมือชี้วัดด้านสิทธิมนุษยชนที่ชัดเจน เปิดช่องทางในการร้องเรียน และกลไกในการเยียวยาอย่างโปร่งใส
“ทุกวันนี้ สังคมทั่วโลกตระหนักมากยิ่งขึ้นเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชน ผู้คนเปิดกว้างและยอมรับความหลากหลายของมนุษย์มากขึ้น องค์กรธุรกิจก็เช่นกัน เราต้องเปิดรับและสนับสนุนคนทุกกลุ่มให้ได้รับโอกาสที่เท่าเทียม และสามารถแสดงศักยภาพของตนอย่างเต็มที่”
คุณพราว




ขับเคลื่อนด้วยความโปร่งใส
เครือเจริญโภคภัณฑ์ได้กำหนดแนวทางการจ้างงานอย่างมีจริยธรรม โดยจัดทำนโยบายด้านสิทธิมนุษยชนและการปฏิบัติด้านแรงงานที่สอดคล้องกับกฎหมายของประเทศและมาตรฐานสากล เพื่อให้มั่นใจว่าการดำเนินธุรกิจสร้างผลกระทบด้านลบต่อสังคมน้อยที่สุด
“มีการพัฒนาหลักสูตรอบรม เพื่อสร้างความเข้าใจแก่บริษัทจัดหาแรงงานข้ามชาติจากประเทศต่างๆ ว่ากระบวนสรรหาและคัดเลือกคนทำงานที่เป็นธรรมและเปิดเผยนั้นเป็นอย่างไร โดยเฉพาะการจัดหาบุคคลมาทำงานเครือเจริญโภคภัณฑ์ ที่เราเข้มงวดมากว่ากระบวนการทั้งหมดต้องโปร่งใส เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการใช้แรงงานบังคับในทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นแรงงานเด็กหรือการใช้แรงงานข้ามชาติอย่างผิดกฎหมาย รวมถึงการหลอกขอเงินค่าธรรมเนียมใดๆ จากผู้ที่จะมาทำงาน” คุณแนทเล่า
คุณพราวเสริมต่อว่า นี่เป็นโครงการที่ทีมงานปลุกปั้นกันมาตั้งแต่ปี 2019 จนถึงปัจจุบัน ผลลัพธ์ความเปลี่ยนแปลงในด้านทางการจ้างงานอย่างมีจริยธรรมก็งอกเงยเห็นผลลัพธ์เชิงรูปธรรมที่ชัดเจน นอกจากงานขับเคลื่อนทางตรง ทีมของคุณพราวและคุณแนทยังประสานงานกับหลายองค์กรด้านสิทธิมนุษยชนระดับสากล เพื่อแบ่งปันประสบการณ์และชุดข้อมูลที่เป็นประโยชน์ร่วมกัน
“การแลกเปลี่ยนข้อมูลทำให้เราเห็นว่าแม้ปัญหาทั่วโลกจะมีคล้ายคลึงกัน แต่ในรายละเอียดก็แตกต่างกันไปตามบริบทของพื้นที่ เศรษฐกิจ และสังคม เราได้ศึกษาวิธีแก้ปัญหาของภูมิภาคอื่น ในขณะเดียวกันก็บอกเล่าวิธีแก้ปัญหาของเราให้เขาสามารถนำไปประยุกต์ปรับใช้ได้ด้วยเช่นกัน การแบ่งปันนี้ช่วยผลักดันให้เรื่องสิทธิมนุษยชนเคลื่อนขบวนไปพร้อมกันทั่วโลก และทำให้ผลลัพธ์ยิ่งขยายกว้างไกลขึ้น” คุณแนทกล่าว

สร้างมาตรฐานใหม่ให้สังคม
ในมุมมองของคนทำงาน คุณแนทและคุณพราวบอกว่า จากวันที่เครือเจริญโภคภัณฑ์ลุกขึ้นมาผลักดันเรื่องสิทธิมนุษยชนเป็นบริษัทแรกๆ ในประเทศไทย ทุกวันนี้เราเริ่มเห็นองค์กรธุรกิจใหญ่ๆ อีกหลายแห่งทยอยเข้ามาร่วมขับเคลื่อนเรื่องนี้กันอย่างจริงจังแล้ว ตอนนี้ภาพฝันของทั้งคู่จึงอยากเห็นความร่วมมือขยายไปสู่บริษัทขนาดกลางและขนาดเล็กด้วย
คุณพราว กล่าวว่า “การผลักดันเรื่องสิทธิมนุษยชนเป็นเรื่องที่ในบางครั้งคนทั่วไปมองว่าเป็นหน้าที่ขององค์กรขนาดใหญ่ และต้องใช้ทรัพยากรจำนวนมาก แต่เพื่อให้เกิดประสิทธิผลสูงสุดและเกิดการเคารพสิทธิมนุษยชนอย่างเต็มรูปแบบ ธุรกิจขนาดเล็กและใหญ่ รวมกับภาคส่วนอื่น ๆ จะต้องร่วมมือกัน เพื่อขับเคลื่อนเรื่องนี้ และยกระดับมาตรฐานของสังคม โดยการผลักดันสามารถเริ่มได้แล้วตั้งแต่วันนี้”
สำหรับองค์กรธุรกิจ ประเด็นสิทธิมนุษยชนเป็นหนึ่งในประเด็นด้านความยั่งยืนที่ต้องให้ความสำคัญ ควบคู่ไปกับการผลักดันเรื่องสิ่งแวดล้อม เพราะทรัพยากรบุคคลคือหัวใจของธุรกิจ ในขณะเดียวกันผู้บริโภคอย่างเราๆ ก็สามารถร่วมขับเคลื่อนเรื่องนี้ได้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นที่บ้าน ที่ทำงาน ที่ห้างสรรพสินค้า ที่สวนสาธารณะ คุณปฏิบัติต่อคนคุ้นเคยรอบตัวและคนแปลกหน้าที่พบเจอด้วยความเคารพและความเท่าเทียมหรือไม่
“ประเด็นนี้อาจเป็นเรื่องใหม่ที่หลายคนยังไม่คุ้นเคย แต่มันสำคัญมากที่เราจะต้องใช้ชีวิตอย่างรอบรู้ในสิทธิตัวเอง ไม่ก้าวก่ายสิทธิของคนอื่น เพื่อความเท่าเทียมของคนในสังคมที่จะนำไปสู่ความยั่งยืนของโลก”
คุณแนท
เราปรับ โลกเปลี่ยน The Next Generation: Human Rights สร้างโลกที่เสมอภาคและเท่าเทียม
หรือ จะเลือกรับฟังรายการ ในรูปแบบของ Podcast ได้ที่:
เราปรับ โลกเปลี่ยน The Next Generation เพราะเราทุกคน “เปลี่ยน” โลกให้ดีขึ้นได้ พบหลาก idea หลาย action ของคนรุ่นใหม่ที่ลุกขึ้นมา “ปรับ” คิดแล้วลงมือทำ เพื่อร่วมกันสร้างโลกให้ยั่งยืน
#WeShiftWorldChange #NextGeneration #เราปรับโลกเปลี่ยน #ทุกคนเปลี่ยนโลกให้ดีขึ้นได้