
Sustainability หรือ ภาษาไทย ก็คือ ความยั่งยืน ถ้าแปลกันตามความหมายตรงๆ ความยั่งยืน ก็หมายถึงความสามารถในการคงทน หรือ คงอยู่ได้นั่นเอง เพราะอะไร ทำไมหลายๆ องค์กร หรือ แม้กระทั่งคนในสังคม ถึงหันมาให้ความสำคัญในเรื่องของ Sustainability?
เพราะในยุคนี้ บริบทของการทำธุรกิจนั้นเปลี่ยนไป โลกของการแข่งขันก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ประกอบกับว่าบริษัทส่วนมากในอดีตจนถึงปัจจุบัน ให้ความสำคัญกับการมุ่งเน้นขยายธุรกิจ มุ่งเน้นแต่ผลกำไรเป็นที่ตั้ง การทำแบบนี้เป็นการส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม สร้างปัญหาเรื่องขยะ สร้างปัญหาเรื่องคุณภาพอากาศ ทำให้ทรัพยากรที่มีก็ร่อยหรอลงไปทุกที และยังสร้างปัญหาอื่นๆ เช่นด้านสังคมอีกมากมาย ซึ่งหากปล่อยให้สถานการณ์เป็นแบบนี้ต่อไป คงไม่ดีอย่างแน่นอน

ด้วยเหตุนี้เอง องค์กร และ บริษัท จำเป็นต้องเปลี่ยนแนวคิดจากการเติบโตที่เน้นผลลัพธ์เพียงแค่ด้านการเงินเพียงอย่างเดียว มาเป็นการเติบโตในแบบที่ยั่งยืน หรือ ตั้งเป้าหมายในการพัฒนาองค์กรสู่ความยั่งยืน
ในบ้านเราก็เช่นเดียวกัน ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา เรื่องของความยั่งยืน กลายเป็นเรื่องที่หลายองค์กรให้ความสำคัญ ดังจะเห็นได้จากการมีมาตรฐานในการประเมินการดำเนินธุรกิจตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนเกิดขึ้น เพื่อนำมาในการวัดผลความยั่งยืนขององค์กร หรือ บริษัท

ดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ หรือ Dow Jones Sustainability Indices (DJSI) ก็เป็นอีกตัวนึงที่ใช้ในการประเมินประสิทธิผลการดำเนินธุรกิจตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนของบริษัท DJSI ถือเป็นดัชนีที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก อาจจะด้วยเพราะเป็นมาตรฐานสากล และ มีความโปร่งใส จึงเป็นที่มาว่า หลายๆ บริษัทต่างก็อยากจะเข้ามาเป็นสมาชิกของ DJSI
Dow Jones Sustainability Indices (DJSI) เขามีหลักการ หรือ หลักเกณฑ์ในการประเมินอย่างไร?
ดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ หลักๆ จะมีการประเมินอยู่ 3 ด้าน นั่นก็คือ
- Environment : การดูแลและรักษาสิ่งแวดล้อม เช่น ในการทำธุรกิจ ก็ต้องมุ่งเน้นการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ใช้พลังงานที่มีประสิทธิภาพ ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม เป็นต้น
- Social : การดูแลด้านสังคม เช่น ในการทำธุรกิจ ก็ต้องให้ความสำคัญกับผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสีย เช่น พนักงาน ก็ต้องได้รับการฝึกอบรม พัฒนาอย่างต่อเนื่อง หรือ พัฒนาคู่ค้าทางธุรกิจให้เติบโตไปด้วยกัน หรือ ให้การช่วยเหลือสนับสนุนการจ้างงาน สำหรับชุมชนที่อาศัยอยู่รอบๆ บริษัท เป็นต้น
- Governance : การมีธรรมาภิบาลทางธุรกิจ เช่น ในการทำธุรกิจ จำเป็นต้องมีการบริหารความเสี่ยงในทุกๆ หน่วยงาน และ จะต้องดำเนินธุรกิจตามหลักธรรมาภิบาล โดยคำนึงถึง ความยุติธรรม มีความรับผิดชอบ มีความซื่อสัตย์ และดำเนินธุรกิจโปร่งใส เป็นต้น
นอกจากนี้ DJSI เขายังพิจารณาประเมินในเรื่องความมั่นคงทางธุรกิจ เช่น รายได้ กำไร และ ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่สำคัญอีกหลายเรื่อง โดยในแต่ละปี DJSI จะทำการคัดเลือกบริษัทจากทั่วโลกเพื่อมาทำการประเมินด้านความยั่งยืนของธุรกิจ อย่างล่าสุดในปี 2020 มีบริษัทจากทั่วโลกทั้งหมด 3,429 บริษัทที่ได้ถูกประเมิน โดยจะพิจารณาจากมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดและการดำเนินงานด้านความยั่งยืน เพื่อนำมาคัดเลือกให้เหลือเฉพาะบริษัทที่มีความโดดเด่นในด้านการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน เพื่อเข้าเป็นสมาชิกในกลุ่ม DJSI
DJSI เขาจะใช้ตัววัดความยั่งยืนของบริษัทที่แตกต่างกันออกไปตามอุตสาหกรรม หรือตามรูปแบบของการดำเนินธุรกิจ ซึ่งปัจจุบัน (อ้างถึงปี 2020 ล่าสุด) เขาแบ่งเป็น 61 ประเภทอุตสาหกรรม แยกออกไปตามภูมิภาคหรือภูมิศาสตร์โลก เช่น ดัชนีสำหรับยุโรป อเมริกา เอเชียแปซิฟิก กลุ่มประเทศกำลังพัฒนาทางเศรษฐกิจ และระดับประเทศ เป็นต้น
Dow Jones Sustainability Indices (DJSI) สำคัญต่อบริษัทอย่างไร ทำไมบริษัททั่วโลกถึงอยากเข้าร่วมประเมิน?
การเข้าร่วมเป็นสมาชิก DJSI ทำให้บริษัทต่างๆ ที่ได้เข้าร่วมรู้ตัวเองว่า บริษัทหรือองค์กรของตนจะสามารถปรับปรุง หรือ เปลี่ยนแปลงกระบวนการทำงานให้มีประสิทธิภาพได้ทัดเทียม หรือ เหนือกว่าองค์กรชั้นนำของโลกได้อย่างไร? การเป็นสมาชิกจะทำให้เราต้องพัฒนาองค์กร บุคลากร รวมไปถึงส่วนงานอื่นๆ อย่างต่อเนื่องเพื่อจะได้คงสถานะการเป็นสมาชิกที่มีอันดับดีๆ ต่อไป หรือ เผลอๆ อาจจะกลายเป็น ผู้นำกลุ่มอุตสาหกรรมก็เป็นได้
อีกประการนึงที่สำคัญก็คือ การได้เป็นสมาชิก DJSI ถือเป็นทางเลือกในการลงทุนให้แก่นักลงทุนทั่วโลก เนื่องเพราะนักลงทุนหรือกองทุนต่าง ๆ จากทั่วโลก จะใช้ ดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ เป็นเกณฑ์สำคัญในการพิจารณา คัดเลือก เพื่อเข้าไปลงทุนในบริษัทเหล่านั้น ถ้าหากบริษัทใดก็ตามที่ได้รับการจัดอันดับใน DJSI ก็ถือเป็นหลักประกันได้ ถึงศักยภาพในการบริหารงานหรือในการดำเนินธุรกิจ ว่าบริษัทนี้จะสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดี และยั่งยืนให้กับผู้ลงทุน เป็นต้น
ประเทศไทยเราก็ไม่ธรรมดา เราเองก็ถือว่าเป็นประเทศที่มีจำนวนบริษัทที่เป็นสมาชิก DJSI ไม่น้อยเช่นกัน
ล่าสุด ในปี 2020 มีบริษัทจากประเทศไทย ที่ได้รับคัดเลือกให้เป็นสมาชิกของ Dow Jones Sustainability Indices (DJSI) จำนวน 22 บริษัท แต่นั่นถือว่ายังไม่ตื่นเต้นเท่ากับการที่มี บริษัทคนไทย ที่ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำกลุ่มอุตสาหกรรม (Industrial Leader) ถึง 8 บริษัท ดังต่อไปนี้
- บมจ.บ้านปู (BANPU) ผู้นำกลุ่มอุตสาหกรรม Coal & Consumable Fuels
- บมจ.ไทยออยล์ (TOP) ผู้นำกลุ่มอุตสาหกรรม Oil & Gas Refining & Marketing
- บมจ.ปตท. (PTT) ผู้นำกลุ่มอุตสาหกรรม Oil & Gas Upstream & Integrated
- บมจ.ไทยเบฟเวอเรจ (THBEV) ผู้นำในกลุ่มอุตสาหกรรม Beverages
- บมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC) ผู้นำกลุ่มอุตสาหกรรม Chemicals
- บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย (SCC) ผู้นำกลุ่มอุตสาหกรรม Construction Materials
- บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น (TRUE) ผู้นำกลุ่มอุตสาหกรรม Telecommunication Services
- บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTS) ผู้นำกลุ่มอุตสาหกรรม Transportation and Transportation Infrastructure
ส่วนบริษัทไทยที่ได้รับคัดเลือกให้เป็นสมาชิก DJSI ประจำปี 2563 มีจำนวน 22 บริษัท ดังต่อไปนี้
กลุ่มดัชนี DJSI World จำนวน 12 บริษัท ได้แก่ KBANK, SCB, PTTEP, PTT, CPALL, THBEV, IVL, PTTGC, SCC, CPN, ADVANC และ AOT โดยดัชนีในกลุ่มนี้จะคัดเลือกจากบริษัทที่มีมูลค่าตามราคาตลาดสูงที่สุด 2,500 อันดับแรกของโลก
กลุ่มดัชนี DJSI Emerging Markets สำหรับตลาดเกิดใหม่มีจำนวน 22 บริษัท ได้แก่ KBANK, SCB, MINT, BANPU, IRPC, PTTEP, PTT, TOP, CPALL, CPF, THBEV, TU, IVL, PTTGC, SCC, CPN, HMPRO, ADVANC TRUE, AOT, BTS และ EGCO
และเป็นโอกาสดี ที่แอดมินได้มีโอกาสสัมภาษณ์ผู้บริหารบางท่าน จากกลุ่มบริษัทที่ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำกลุ่มอุตสาหกรรม (Industrial Leader) ติดตามกันได้เร็วๆ นี้
เพิ่มเติม : ทำไมเราต้องยั่งยืน ร่วมติดตามเรื่องราวของความยั่งยืนของธุรกิจในยุค 2021 ได้กับวิดีโอสั้นๆ ตอนนี้ได้เลยครับ