รุกขกร หรือ หมอต้นไม้ บุคคลที่จะดูแลต้นไม้ของเราได้ไม่ต่างกับคุณหมอในโรงพยาบาลที่ให้การดูแลคนไข้ ตั้งแต่การคัดกรอง ประเมินอาการ พูดคุยถึงวิธีการดูแลรักษา ติดตามผล รวมถึงดูแลในเรื่องความสวยงามตัดแต่งกิ่งก้านใบอีกด้วย เราเชื่อใจการดูแลรักษาของหมอในโรงพยาบาลมากแค่ไหน เราก็สามารถเชื่อใจหมอต้นไม้ตัวจริงให้ดูแลต้นไม้ของเราได้มากเท่านั้นเช่นกัน
ในตอนนี้เราจะมาทำความรู้จัก บริษัท รุกขกร วิสาหกิจเพื่อสังคม จำกัด กับเรื่องราวการรักษาและดูแลต้นไม้ด้วยวิธีการที่ถูกต้องอย่างคนที่รู้จริง ซึ่งในปัจจุบันมีคนรักต้นไม้เป็นจำนวนมากมาย แต่กลับมีคนรู้จักวิธีรักษ์ต้นไม้จริงๆ น้อยมาก หากเรากำลังสงสัยว่าหมอต้นไม้คืออะไร แล้วทำไมเราต้องมีหมอต้นไม้ ในเมื่อเราก็มีคนสวนอยู่แล้ว เราจะไปทำความเข้าใจเรื่องนี้กันเสียใหม่ ผ่านบทสัมภาษณ์ของ คุณละเอียด แพนพัฒน์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท รุกขกร วิสาหกิจเพื่อสังคม จำกัด
“รุกขกร หรือ หมอต้นไม้” หมายความว่าอะไร?
ด้วยชื่อที่เป็นเอกลักษณ์ และดูคุ้นหูแต่ก็นึกไม่ออกเสียทีว่า “รุกขกร” แท้จริงแล้วหมายถึงอะไร? คุณละเอียดเล่าว่า คนโบราณจะชอบพูดกันว่า “รุกขเทวดา” ซึ่งหมายถึงเทวดาที่อาศัยอยู่ตามต้นไม้ เพราะฉะนั้นเมื่อมีคำว่า “รุกข” จะหมายถึงต้นไม้ทันที พอรวมเข้ากับ “กร” แล้ว จะได้คำว่า “รุกขกร” ซึ่งหมายถึงคนที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับต้นไม้นั่นเอง นอกจากนี้ รุกขกร ยังมีความหมายเหมือนกับคำว่า “Arborist” ในภาษาอังกฤษที่หมายถึง นักวิชาชีพที่มีหน้าที่จัดการและดูแลต้นไม้อีกด้วย แต่คำที่ประเทศไทยคุ้นเคยกันดีจะเป็นคำว่า “หมอต้นไม้” นั่นเอง
จุดเริ่มต้น
บริษัท รุกขกร วิสาหกิจเพื่อสังคม จำกัด เกิดจากคนกลุ่มหนึ่งที่มีความหลากหลายในสาขาอาชีพเรียกว่ากลุ่ม BIGTrees มานั่งคุยกันเรื่องต้นไม้ในเมืองตามที่ต่างๆ ที่ควรจะถูกเก็บรักษาไว้ เมื่อลงมือทำแล้วเริ่มรณรงค์ไปได้สักระยะ จึงเริ่มเล็งเห็นว่าจริงๆ แล้วการดูแลต้นไม้นั้นมีอาชีพที่เฉพาะเจาะจง แต่ในไทยยังไม่ได้เป็นที่รู้จักมากขนาดนั้น จึงทำให้ไม่เกิดมาตรฐานในการดูแลตัดแต่งต้นไม้อย่างมืออาชีพ
“ต้นไม้ต้องการการดูแลที่ถูกต้องตั้งแต่รากไปถึงปลายกิ่ง”
BIGTrees ผลักดันให้อาชีพนี้มีบทบาทในสังคม เพื่อทำให้การตัดแต่งหรือดูแลต้นไม้มีมาตรฐาน จนกระทั่งนั่งคุยกันว่าควรเปิดบริษัทให้เป็นต้นแบบให้คนที่สนใจในอาชีพนี้ หลังจากนั้นจึงเริ่มมองในเรื่องศาสตร์ของการเรียนรู้เรื่องต้นไม้อย่างถูกวิธี และสนับสนุนให้คนในองค์กรมีวิชาชีพที่เป็นมาตรฐาน ผลักดันให้คนในองค์กรเข้าไปมีส่วนร่วมในสมาคมรุกขกรรมและขับเคลื่อนอาชีพในด้านนี้อย่างจริงจัง ซึ่งปัจจุบันในบริษัทมีรุกขกรถึง 2 คนแล้ว
“หลายครั้งต้นไม้กลายเป็นจำเลยของสังคม”
เมื่อพูดถึงปัญหาสังคมที่ผ่านมา คุณละเอียดได้เล่าว่าคนส่วนใหญ่จะไม่ตระหนักจนกว่าจะเกิดปัญหา ทั้งที่ต้นไม้เป็นเรื่องที่ใกล้ตัวมาก หลายคนเลือกที่จะโทษต้นไม้เมื่อเกิดปัญหาอะไรขึ้นมาแทนที่จะโทษตัวเอง ยกตัวอย่างเช่น ต้นไม้ต้นนี้สวย ฉันรักต้นไม้ต้นนี้ ไปจอดรถใต้ต้นไม้ทุกวัน เอาขยะไปทิ้งบ้าง ขุดท่อน้ำบ้าง ทำสารพัดสิ่งที่ต้นไม้ต้นนี้ แต่บอกว่าตัวเองรักต้นไม้ต้นนี้นะ เมื่อวันหนึ่งต้นไม้ล้มลงด้วยสาเหตุอะไรก็ตามคนจะโทษว่าต้นไม้ใหญ่เกินไป ล้มลงมาอาจจะทำให้คนบาดเจ็บได้ ต้นไม้ผิดโดยที่คุณไม่เคยย้อนมองเลยว่าคุณทำอะไรกับเขา หรือคุณดูแลเขาอย่างไร? เป็นต้น
“คนที่ควรตอบคำถามตรงนั้นกลับตอบไม่ได้”
แม้ว่าในสังคมจะมีผู้ดูแลต้นไม้จริงๆ ที่เป็นหน่วยงานภาครัฐ แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นคือพวกเขาไม่ได้เข้าใจงานดูแลต้นไม้อย่างแท้จริง ยังคงมีความเข้าใจไม่ชัดเจน ดังนั้นเมื่อเกิดปัญหาอะไรที่เป็นปัญหาของสังคม พวกเขาจึงไม่สามารถสื่อสารให้สังคมเข้าใจได้อย่างชัดเจนว่าทำไมต้องทำแบบนั้น ทำไมต้องทำแบบนี้ เจ้าหน้าที่ที่ทำงานส่วนนี้จะตอบได้แค่ว่าทำตามคำสั่ง แต่ไม่สามารถอธิบายโดยให้ความรู้เกี่ยวกับต้นไม้ให้กับประชาชน หรือ คนที่มีความสงสัยได้
“ไม่มีใครเคยมาอธิบายว่าทำไมต้องตัดต้นไม้ทั้งๆ ที่สามารถย้ายแทนได้?”
คุณละเอียด อธิบายว่าคำถามนี้มีคำตอบแต่คนที่มีอำนาจไม่ยอมรับในคำตอบที่ได้ สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นเพราะไม่มีใครรู้วิธีการแก้ปัญหาจริงๆ หรือเขาอาจจะไม่พยายามแก้ปัญหาในเรื่องต้นไม้ให้ถูกต้อง ส่วนใหญ่มักจะพูดกันว่าฉันรักต้นไม้ แต่ยังคงมีการตัดต้นไม้เพื่อทำถนนแทนที่จะใช้วิธีย้ายต้นไม้นั้นแทน ทุกคนลืมคิดไปว่ากว่าที่ต้นไม้ต้นหนึ่งจะโตขึ้นมาเป็นต้นไม้ใหญ่ต้องใช้เวลานานแค่ไหน? ต้องผ่านการดูแลมากขนาดไหน? พวกเขาอาจจะไม่ได้คำนึงถึงมูลค่าของการกักเก็บคาร์บอนในอากาศที่ต้นไม้ต้นนั้นทำได้ เพราะทางเลือกในการตัดมันง่ายกว่า แต่การคิดถึงผลกระทบเชิงลบในระยะยาวเป็นสิ่งที่ยากมากสำหรับคนที่มองแค่การทำงานแบบตามคำสั่ง
บทบาทของรุกขกรในการช่วยสังคม
เบื้องต้นตอนนี้บริษัท รุกขกร วิสาหกิจเพื่อสังคม จำกัด มี Facebook และเบอร์โทรศัพท์ให้ลูกค้าติดต่อมาใช้บริการ เมื่อมีลูกค้าติดต่อก็จะมีการพูดคุยกันในเรื่องของทิศทางความต้องการของลูกค้า หลังจากพูดคุยกันรู้เรื่องแล้วจึงลงพื้นที่ไปประเมินความเป็นไปได้แล้วนำเสนอทางออกที่ดีที่สุด
“เราเลือกปลูกเรือนตามใจผู้อยู่”
ในเมื่อบริษัทเป็นบริษัทที่รับจ้างตัดแต่งต้นไม้ งานบริการคือการทำตามที่ลูกค้าต้องการอยู่แล้ว แต่ถ้ามีโอกาสหรือลูกค้าพร้อมรับคำแนะนำถึงจะมีการแนะนำวิธีการที่ดีกว่า หรืออธิบายให้ความรู้ที่ถูกต้องแก่ลูกค้า เมื่อผ่านขั้นตอนการพูดคุยและตกลงทิศทางการทำงานจึงมีการเสนอราคา แล้วจึงลงมือทำ นอกจากนี้ยังมีการให้คำแนะนำหลังจากทำงานเสร็จ และหลังจากให้บริการครบ 1 ปี ทางบริษัทจะส่งรุกขกรจากบริษัทไปตรวจดูความเรียบร้อยอยู่แล้วถ้าลูกค้าต้องการ
“เมื่อเทียบกับจำนวนต้นไม้แล้ว คนที่เข้าใจต้นไม้ผิดๆ มีเยอะเกินไป”
ทางบริษัท รุกขกร วิสาหกิจเพื่อสังคม จึงพยายามที่จะให้ความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องแก่ลูกค้าที่เข้ามารับบริการทุกคน เพราะการทำแบบนี้จะทำให้อาชีพรุกขกรได้รับการผลักดันให้ก้าวสู่คำว่ามาตรฐานมากขึ้น อาชีพนี้ยังเป็นอาชีพที่มีน้อยมากในสังคมไทย และสิ่งที่น่ากลัวก็คือคนที่ทำอาชีพดูแลต้นไม้ในปัจจุบันก็ไม่ได้มีความรู้เกี่ยวกับต้นไม้จริงๆ บริษัทจึงเข้ามาเพื่อเป็นตัวเลือกในสังคมในการช่วยดูแลต้นไม้อย่างถูกต้องและมีความรู้เกี่ยวกับต้นไม้อย่างแท้จริง
“ฉันก็เคยใช้คนตัดต้นไม้ทั่วไปไม่เห็นมีปัญหา ทำไมฉันต้องใช้รุกขกรอย่างพวกคุณด้วย”
คุณละเอียด เล่าว่าอุปสรรคที่ใหญ่ที่สุดคือความไม่เข้าใจของผู้ใช้บริการ เพราะโดยปกติแล้วเมื่อคนต้องการตัดต้นไม้ พวกเขาจะจ้างคนสวนปกติที่ไม่ได้มีความรู้เรื่องต้นไม้อย่างแท้จริงแต่สามารถตัดต้นไม้ได้ พวกเขาจะคิดว่าทำไมต้องจ่ายเงินแพงกว่าเพื่อจ้างรุกขกรมาตัดต้นไม้ด้วย แต่ราคาที่แพงนั้นมีเหตุผล เพราะมาจากต้นทุนที่ทางบริษัทต้องส่งคนไปอบรม เรียน และทดลองงานจริงเพื่อเป็นรุกขกรที่สมบูรณ์ รวมถึงค่าใช้จ่ายในเรื่องเครื่องมือที่จะต้องสร้างความปลอดภัยระหว่างปฏิบัติงานแก่พนักงานของบริษัทและตัวลูกค้าเองด้วย
“เป็นแค่คนสวนจะมาสอนได้อย่างไร?”
มีลูกค้าบางกลุ่มที่คุณละเอียดเคยเจอไม่เคยใช้บริการรุกขกรมาก่อนเลยมองว่ารุกขกรก็เป็นแค่คนสวน จะมาทำตัวสอนเขาในเรื่องต้นไม้ได้อย่างไร? โชคดีที่ลูกค้าบางท่านเปิดใจ เลือกที่จะปรับทัศนคติตัวเองใหม่หลังจากได้รับความรู้จากรุกขกรแล้ว ความรู้ความสามารถของรุกขกรจะเป็นเครื่องมือพิสูจน์เองโดยที่ไม่จำเป็นต้องอธิบายว่ารุกขกรแตกต่างจากคนสวนอย่างไร
“จุดประสงค์ของเรา มีเพียงแค่ทำให้คนรู้จักวิธีดูแลและตัดแต่งต้นไม้อย่างถูกต้องเท่านั้นเอง”
การผลักดันวิชาชีพรุกขกรกลายเป็นเรื่องยาก เพราะการทำอาชีพรุกขกรส่วนใหญ่จะเป็นการเรียนจบแบบตรงสายมาเลย แต่ปรากฏว่าคนที่จบปริญญาตรีหลายคนก็ต้องการบรรจุเป็นข้าราชการ ทำงานสบาย ไม่อยากมาตัดต้นไม้ลำบาก หรือ เมื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายว่าให้สนับสนุนคนที่ประกอบอาชีพคนสวนอยู่แล้วมาอบรมเรียนรู้เพื่อเป็นรุกขกร บางคนไม่ได้ให้ความร่วมมือทั้งที่สิ่งที่พวกเขาต้องทำเป็นเพียงการปรับเปลี่ยนกระบวนการและการทำงานเพียงเล็กน้อยเท่านั้นเอง ซึ่งการปรับเปลี่ยนเหล่านั้นก็ทำไปเพื่อเพิ่มทักษะและความปลอดภัยของตัวพวกเขาเอง
“เราขอแค่ได้ใช้องค์ความรู้ที่เรามีไปสร้างความเข้าใจให้เขาเข้าใจ”
คุณละเอียด เล่าว่าทุกครั้งที่มีการประเมินต้นไม้ทางบริษัทจะส่งรุกขกรไปลงพื้นที่เลยเสมอ บางครั้งประเมินต้นไม้แค่ 2 ต้น รุกขกรของบริษัทมีการลงพื้นที่ไปดูนานกว่า 2 อาทิตย์เพื่อหาวิธีที่ดีที่สุดในการจัดการต้นไม้ ซึ่งการทำงานอย่างเต็มที่แบบนี้จะเป็นการช่วยผลักดันให้คนที่ประกอบอาชีพรุกขกรเหมือนกันมีงานมากขึ้น เพราะลูกค้าจะเข้าใจเหตุผลว่าทำไมถึงต้องมีรุกขกร ยิ่งมีรุกขกรเยอะ ลูกค้ายิ่งมีตัวเลือกเยอะในการใช้บริการ
การประกอบอาชีพรุกขกรเป็นอย่างไรบ้าง?
ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมานี้ เริ่มมีคนรู้จักเยอะมากขึ้น มีคนเข้ามาขอคำปรึกษา ทักเข้ามาใน Facebook จำนวนมาก อย่างช่วงที่มีฝนตกหนักหรือลมแรง มีคนติดต่อมาสอบถามเข้ามาเยอะมาก ทางบริษัทไม่ได้ให้คำปรึกษาแค่คนที่เป็นลูกค้าเท่านั้น เพราะบางคนก็ติดต่อเข้ามาเพื่อสอบถามหรือขอคำปรึกษาเฉยๆ เขาไม่ได้ต้องการจะใช้บริการอะไรเลยก็มี ซึ่งบริษัทให้คำแนะนำกับทุกคนไม่ว่าจะคิดจ้างบริษัทของเราหรือไม่ก็ตาม
“ทุกองค์กรสามารถเป็นวิสาหกิจเพื่อสังคมได้หมด”
คนทุกคน ทุกวิชาชีพ ทุกบริษัทสามารถทำกิจกรรมเพื่อสังคมได้ ถึงจะไม่ใช่กิจการเพื่อสังคมก็ตาม เราไม่จำเป็นต้องกำเงินไปใส่กล่องบริจาคให้ใคร แต่ให้มองถึงวัตถุดิบและศักยภาพที่มีในตัวเราเองหรือองค์กร แล้วพิจารณาว่าจะทำให้ตัวคุณเองและองค์กรของคุณมีส่วนร่วมในการช่วยสังคมได้อย่างไร? มองดูว่าคนในสังคมต้องการอะไร? แล้วคิดว่าองค์กรของคุณสามารถเติมเต็มในส่วนไหนของพวกเขาได้บ้าง
บทสรุป
ต้องยอมรับว่าในปัจจุบันคนเราต้องหันมามองหน้ากันเพื่อมองหาความช่วยเหลือ หวังพึ่งหน่วยงานหรือคนอื่นให้มาช่วยเรากลายเป็นเรื่องที่ยากเกินจะหวัง เมื่อวันหนึ่งคิดว่าตัวเองพร้อมแล้วที่จะเป็นองค์กรวิสาหกิจเพื่อสังคม ให้ลองติดต่อไปยังที่ที่ต้องการจะมอบความช่วยเหลือให้และติดต่อไปที่หน่วยงานภาครัฐที่ดูแลเรื่องของวิสาหกิจเพื่อสังคมได้เลย เพราะเขาจะมีเจ้าหน้าที่ที่คอยให้คำแนะนำอย่างดีเลยว่าเราควรทำอย่างไรต่อ เราต้องมองตัวเองก่อนว่าทำกิจกรรมอะไรเพื่อสังคมได้บ้าง? แล้วถึงจะไปมองในเรื่องขององค์กรว่าสามารถผลักดันองค์กรให้เป็นกิจการเพื่อสังคมได้อย่างไร? แต่ถ้าคิดว่าจะทำเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว ก็แนะนำว่าอย่าทำเลย เพราะวิสาหกิจเพื่อสังคม หมายถึงการทำงานเพื่อสังคมอย่างแท้จริง
“เริ่มต้นจากกิจกรรมด้วยสังคมก่อน แล้วค่อยพัฒนาเป็นกิจการเพื่อสังคม”
ต้นไม้ “เพื่อน” สังคม | The Practical Sustainability วิสาหกิจ “เพื่อน” สังคม
หรือ จะเลือกรับฟังรายการ ในรูปแบบของ Podcast ได้ที่:
ช่องทางการติดต่อ
บริษัท รุกขกร วิสาหกิจเพื่อสังคม จำกัด
Email : urbantreecare2014@gmail.com
โทร 093-983-3050, 083-024-4053
Facebook: https://www.facebook.com/thaiurbantreecare
สนับสนุนโดย สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม (สวส.)